Verb to have คือ กริยากลุ่มหนึ่งที่เป็นได้ทั้งกริยาหลัก (Main verbs) และกริยาช่วย (Prime auxiliary verbs)

โดยมีหลักการใช้ Verb to have ดังนี้

Verb to have ทำหน้าที่เป็นกริยาหลัก (Main Verbs) ถ้าใช้ในความหมายว่า “ มี “ จะเป็น Stative verbs แสดงความเป็นเจ้าของ จะใช้ใน Continuous Tenses (v-ing) ไม่ได้ แต่ถ้าใช้ในความหมายว่า “ ทาน/รับประทาน/ดื่ม “ ถือว่าเป็น Dynamic verbs สามารถใช้ใน Continuous Tenses (v-ing) ได้ ยกตัวอย่างเช่น

  • I have an idea. (ผมมีความคิด)
  • The baby has blue eyes. (เด็กทารกมีดวงตาสีฟ้า)
  • They have 2 kids. (พวกเขามีลูก 2 คน)
  • He had a motorcycle last year. (เขามีรถมอเตอร์ไซค์ปีที่แล้ว)
  • Chai and Joy are having dinner right now. (ชัยและจอยกำลังทานอาหารเย็นตอนนี้)
  • Nid will be having breakfast at 7 am. tomorrow. (นิดจะกำลังทานอาหารเช้าเวลา 07.00 น. พรุ่งนี้)
  • He had coffee for breakfast last month. (ผมดื่มกาแฟเป็นอาหารเช้าเมื่อเดือนที่แล้ว)

เมื่อ verb to have ทำหน้าที่เป็นกริยาหลัก (Main verb) จะต้องนำ verb to do มาช่วยในประโยคคำถามและปฎิเสธ เช่น

  • She doesn’t have a car. (เธอไม่มีรถ)
  • I don’t have time to do it. (ผมไม่มีเวลาทำมันเลย)
  • Where do you have lunch? (คุณทานอาหารเที่ยงที่ไหน)
  • Does he have a clue? (เขามีเบาะแสมั้ย)
  • Did Jai have a terrible dream last night? (ใจฝันร้ายเมื่อคืนที่แล้วใช่มั้ย)

หมายเหตุ Verb to have (Main verb) ในประโยคคำถาม/ปฎิเสธนี้ จะต้องไม่ผันตามประธาน (Subject) หรือ Tenses คือจะต้องอยู่ในรูป infinitive คือ have เสมอ เพราะในรูปคำถาม/ปฏิเสธนี้ เราผัน do/does/did ตามประธาน Subject หรือ Tenses แล้ว

verb to have ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วย โดยมีหลักการใช้ ดังนี้ คือ

1. ใช้เป็นกริยาช่วยในโครงสร้าง Perfect Tense เช่น

  • Pim has lived here all her life. (พิมอาศัยอยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตของเธอ)
  • We haven’t forgotten our Korean friends. (พวกเรายังไม่ลืมเพื่อนชาวเกาหลีของพวกเรา)
  • Have they tried to help you? (พวกเขาพยายามช่วยคุณหรือเปล่า)
  • Where has she gone? (เธอไปไหน)
  • Had Jack met her before the party. (แจคได้พบเธอก่อนงานปาร์ตี้มั้ย)
  • If he had not been lazy, he would have passed the exam. (ถ้าเขาไม่ขี้เกียจ เขาจะสอบผ่าน)

หมายเหตุ have/has/had ตามโครงสร้าง Perfect Tenses นี้ จะทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยในประโยค ซึ่งไม่ต้องแปลความหมาย และผันไปตามประธาน Subject และ Tenses และจะต้องตามด้วย V3 (Past Participle) หรือกริยาเติม ed ซึ่งทำหน้าที่เป็นกริยาหลัก (Main verb) ของประโยค

2. ใช้ has/have/had to ในความหมายว่า “ ต้อง “ เช่น

  • Children have to go to school. (เด็กๆต้องไปโรงเรียน)
  • She doesn’t have to see the doctor. (เธอไม่ต้องไปหาหมอ)
  • John has to wear a tie at work. (จอนต้องผูกเนคไทที่ทำงาน)
  • I had to work yesterday. (ผมต้องทำงานเมื่อวาน)

ข้อสังเกต Have/has/had to ในความหมายว่า “ ต้อง “ นี้มีความหมายคล้ายกันกับ must “ ต้อง “ ที่เป็น Modal auxiliary verb ซึ่งกริยาที่จะตามหลัง to นั้น จะต้องเป็น v1 (infinitive) ที่ไม่ผันตามประธาน (Subject) หรือ Tenses

นอกจากนี้ verb to have ยังใช้ในประโยค Causative forms ที่แสดงถึงการกระทำที่ผู้พูดไม่ได้เป็นผู้กระทำด้วยตนเอง ซึ่งมีอยู 2 กรณี คือ

1. ให้ใครทำบางอย่างให้กับผู้พูด have someone do something โดยมีโครงสร้างดังนี้ Subject+have/has/had+someone+v1+something เช่น

  • The teacher has the students write a test. (ครูให้นักเรียนเขียนข้อสอบ)
  • He’ll have his assistant call you with the details. (เขาจะให้ผู้ช่วยของเขาโทรหาคุณพร้อมรายละเอียด)
  • Did she have the electrician repair the TV. (เธอให้ช่างซ่อมทีวีแล้วยัง)
  • I had my son clean the house yesterday. (ฉันให้ลูกชายทำความสะอาดบ้านเมื่อวาน)

2. ให้ใครทำบางอย่างให้ โดยไม่พูดถึงผู้กระทำ have something done โดยมีโครงสร้างดังนี้ Subject+have/has/had+something+v3 เช่น

  • The students have their essays checked. (บทความของนักเรียนได้รับการตรวจ-มีคนตรวจให้)
  • I had my house cleaned. (บ้านของฉันสะอาด-มีคนทำให้)
  • John will have his house painted. (จอนจะทาสีบ้าน-มีคนจะทาให้)
  • I’ll have my hair cut tomorrow. (ฉันจะตัดผมพรุ่งนี้-มีคนจะตัดให้)

เรายังใช้ Have ในสำนวนบางสำนวน เช่น Have a nice day, Have fun, Have a good time, Have a safe trip เป็นต้น